พระธรรมเทศนาเรื่อง “อนาวิลจิตตกถา ว่าด้วยใจไม่ขุ่นมัว” โดยพระพรหมบัณฑิต (ประยูร ธมฺมจิตฺโต) แสดงในบริบทของ วิกฤตการณ์โควิด ๑๙ เพื่อเป็น ธรรมโอสถ สำหรับ การจัดการจิตใจ (Mind Management) ในยามที่สังคมเผชิญกับความเครียดและความไม่แน่นอน แก่นสำคัญของธรรมบทนี้คือ หลักธรรมเพื่อความสำเร็จ ที่ชี้ว่าเมื่อ “ใจไม่ขุ่นมัว” (อนาวิลมฺหิ จิตฺเต) บุคคลย่อมเห็นประโยชน์ตนและประโยชน์ผู้อื่น ตรงกันข้าม หากใจขุ่นมัว ก็จะไม่เห็นประโยชน์ทั้งของตนและคนอื่น
พระอาจารย์เปรียบเทียบใจเหมือนน้ำในสระ ถ้าน้ำใสก็จะมองเห็นสิ่งที่อยู่ใต้สระ แต่เมื่อใจขุ่นมัว การแสดงออกทั้งทางกายและวาจาก็จะไม่น่ารัก ความขุ่นมัวของจิตใจเกิดจาก กิเลส (defilements) อันได้แก่ ความโลภ โกรธ หลง ซึ่งมักจะซ่อนตัวอยู่ก้นบึ้งของหัวใจ (เรียกว่า อนุสัยกิเลส) แต่จะฟุ้งขึ้นมาเมื่อถูกกระทบ และหากกิเลสมีกำลังมากจนทำให้ละเมิดศีล (เช่น การฆ่าหรือลักขโมย) จะกลายเป็น วีติกกมกิเลส ซึ่งเป็นระดับที่ทำลายประโยชน์
ดังนั้น การ พัฒนาตนเอง ในสถานการณ์โควิด จึงต้องฝึก อินทรีย์สังวร คือการควบคุม ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ไม่ให้ถูกอารมณ์และสิ่งยั่วยุมากวนใจ การรักษาศีลจึงเป็นเกราะป้องกันไม่ให้กิเลสกระฉอกออกมา การปฏิบัติตนตามนโยบายรัฐบาลในช่วงนั้น เช่น การรักษาระยะห่างทางสังคม และการฟังธรรมด้วยความสงบกายวาจาใจ ถือเป็นการฝึกควบคุมตนเองและสร้าง ความรับผิดชอบต่อสังคม ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในการสร้างความสงบสุขทั้งแก่ตนเองและสังคมโดยรวม
“อนาวิลจิตตกถา” สอนว่า ใจไม่ขุ่นมัว เป็น หลักธรรมเพื่อความสำเร็จ ในการเห็นประโยชน์ตนและผู้อื่น ความขุ่นมัวเกิดจาก ความโลภ โกรธ หลง (กิเลส) ซึ่งต้องฝึก อินทรีย์สังวร เพื่อควบคุมไม่ให้แสดงออกมา
การมีสติและ การจัดการจิตใจ จึงเป็นกุญแจสำคัญสู่ สุขภาพจิต ที่ดีและการอยู่รอดในสถานการณ์โควิด






