
พระธรรมเทศนาเรื่อง “ธรรมสำหรับนักบริหาร” โดยพระพรหมบัณฑิต (ประยูร ธมฺมจิตฺโต) ซึ่งบรรยายแก่ผู้เข้ารับการอบรม หลักสูตรนักบริหารงานยุติธรรมระดับสูง (อัยการจังหวัด) มุ่งเน้นไปที่การประยุกต์ใช้ หลักธรรมเพื่อความสำเร็จ ของพระพุทธศาสนาในการบริหารองค์กรและการบริหารชีวิต เนื้อหาหลักตอกย้ำว่า ผู้นำองค์กร ต้องเริ่มต้นด้วย การพัฒนาตนเอง (Self-Development) ทางจิตใจ ก่อนการบริหารงานและบริหารคน
หลักธรรมสำคัญที่ถูกนำมาใช้เป็น แนวทางดำเนินชีวิต ของนักบริหารแบ่งออกเป็น ๓ ส่วนหลักคือ:
-
บริหารตน: เน้นที่การมี สติ และ ปัญญาพละ (กำลังแห่งความรอบรู้) ในการทำความเข้าใจตนเองและงานในหน้าที่ นักบริหารที่ดีต้องมี จริยธรรม และ ความรับผิดชอบต่อสังคม (Social Responsibility) โดยมี ศีล ๕ เป็นฐานราก เพื่อให้สามารถ บริหารความเครียด และตัดสินใจได้อย่างเที่ยงธรรม
-
บริหารคน: การสร้างความร่วมมือและความสามัคคีในองค์กรต้องอาศัยหลัก สังคหวัตถุ ๔ (ทาน, ปิยวาจา, อัตถจริยา, สมานัตตตา) โดยเฉพาะ ทาน ที่หมายถึงการให้ความรู้และบริการที่ดีอย่างเท่าเทียม ซึ่งช่วยในการสร้าง การมีส่วนร่วมของชุมชน (Community Engagement) และผูกมิตร
-
บริหารงาน: ใช้หลัก ธรรมเครื่องเจริญยศ ๗ และ อิทธิบาท ๔ (ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา) เพื่อให้การดำเนินงานมี ประสิทธิภาพสูงสุด (Optimal Efficiency) โดยเน้นที่ นิสัมมการี (ใคร่ครวญก่อนทำ) อันเป็นการส่งเสริม ความโปร่งใส (Transparency) และ ธรรมาภิบาล (Good Governance) ในระบบยุติธรรม
แก่นแท้คือการนำพุทธธรรมมาเป็นเครื่องมือในการ จัดการวิกฤต และสร้าง ความยั่งยืน (Sustainability) ให้แก่ระบบบริหาร โดยยึดหลัก ความจริง และ ความถูกต้อง ในการตัดสินใจทุกขั้นตอน
ธรรมสำหรับนักบริหาร เน้นการใช้หลักธรรมเพื่อ บริหารตน บริหารคน บริหารงาน เพื่อเป็น ผู้นำองค์กร ที่ดี
หัวใจคือ ปัญญาพละ และการมี สติ ซึ่งเป็น หลักธรรมเพื่อความสำเร็จ ในการตัดสินใจอย่างเที่ยงธรรม
การบริหารตามแนวพุทธคือการสร้าง ธรรมาภิบาล และ ความยั่งยืน ผ่าน การพัฒนาตนเอง และ ความรับผิดชอบต่อสังคม





