พระพรหมบัณฑิตได้ถวายพระธรรมเทศนาใน อนุสติฐานกถา เนื่องในพิธี สมโภช 701 ปี ของ พระพุทธรัตนายก หรือ หลวงพ่อโต แห่ง วัดพนัญเชิงวรวิหาร อยุธยา โดยชี้ให้เห็นว่าการสร้างและบูชาพระพุทธรูปเป็น เจดีย์ ประเภทหนึ่งที่เรียกว่า อุทเทสิกเจดีย์ และถือเป็น พุทธานุสติฐาน (เหตุให้ระลึกถึงพระพุทธเจ้า) ที่มีอานิสงส์ยิ่งใหญ่ การสร้างพระพุทธรูปช่วย สืบสานพระศาสนา ให้ตั้งมั่นถาวร เพราะตราบใดที่พระพุทธปฏิมากรยังประดิษฐานอยู่ โลกก็ชื่อว่าไม่ว่างเปล่าจากพระพุทธเจ้า
หลวงพ่อโต ถือเป็น พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมือง ที่มีอายุยาวนานตั้งแต่ 26 ปี ก่อนการสถาปนา กรุงศรีอยุธยา องค์พระพุทธรูปนี้เป็นฐานแห่ง พุทธานุสติ ชั้นเลิศ เพราะประกอบด้วยลักษณะสำคัญ 3 ประการ คือ 1) ใหญ่โต มโหฬาร (ด้วยขนาดหน้าตักกว้าง 14 เมตร สูง 19 เมตร) 2) วิจิตร อลังการ ตามหลักพุทธศิลป์ และ 3) ขลังและศักดิ์สิทธิ์ เนื่องจากได้รับการเคารพบูชามานานกว่า 7 ศตวรรษ
นอกจากนี้ องค์พระยังสะท้อนถึง พระพุทธคุณ 3 ประการ ได้แก่:
- พระปัญญาคุณ สะท้อนผ่าน เกตมาลา (เปลวเพลิง) บนพระเศียร ซึ่งหมายถึงแสงสว่างแห่งปัญญา
- พระวิสุทธิคุณ สะท้อนผ่าน ดอกบัว ที่รองรับองค์พระ ซึ่งเปรียบถึงการอยู่เหนือโลกและไม่แปดเปื้อนด้วยกิเลส
- พระมหากรุณาธิคุณ สะท้อนผ่านการ ทอดพระเนตรลงต่ำ ซึ่งหมายถึงการมองสรรพสัตว์ด้วยความเมตตาปรารถนาให้พ้นทุกข์
การระลึกถึงพระพุทธเจ้าด้วยจิตศรัทธามี อานิสงส์ มากมาย ดังตัวอย่างของมัถกุณฑลีเทพบุตรที่ไหว้พระพุทธองค์เพียงครั้งเดียวก่อนตายก็ได้ไปเกิดบนสวรรค์ การจัดงาน สมโภช ในครั้งนี้จึงเป็นการเปิดโอกาสอันดีให้พุทธศาสนิกชนได้สร้างกุศลอันยิ่งใหญ่ เพราะท่านย้ำว่า “สมจิตเต สมัง พลัง” คือไม่ว่าพระพุทธเจ้าจะยังมีพระชนม์ชีพอยู่หรือนิพพานไปแล้วก็ตาม หากจิตเลื่อมใสเสมอกัน พลานิสงส์ย่อมเท่ากัน
พระธรรมเทศนาว่าด้วย อนุสติฐานกถา โดยเน้นที่ หลวงพ่อโต วัดพนัญเชิง ในฐานะ พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมือง และฐานแห่ง พุทธานุสติ ที่มีอานิสงส์มหาศาล
องค์พระสะท้อน พระพุทธคุณ 3 ประการ คือ ปัญญา วิสุทธิ์ และมหากรุณาธิคุณ รวมถึงความสำคัญในการ สืบสานพระศาสนา
การบูชาพระพุทธรูปด้วยความเลื่อมใสมีผลานิสงส์เท่ากัน ตามหลักที่ว่า “สมจิตเต สมัง พลัง”






