พระธรรมเทศนาเรื่อง “เอกัจจกัลยาณกถา” โดย พระพรหมบัณฑิต (เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาส) เนื่องในวันธรรมสวนะ เนื้อหาหลักมุ่งเตือนสติให้พุทธศาสนิกชนมีความรอบคอบในการทำความดี และเข้าใจธรรมชาติของผลลัพธ์ที่อาจไม่เป็นดั่งหวังเสมอไป โดยยกพุทธภาษิตที่ว่า “เหตุอย่างเดียวกัน อาจให้ผลดีแก่คนหนึ่ง แต่ให้ผลร้ายแก่อีกคนหนึ่ง”
ท่านเจ้าคุณได้ยกตัวอย่างอุทาหรณ์จากประวัติศาสตร์หลายเรื่องเพื่อชี้ให้เห็นถึงผลกระทบของการกระทำที่ขาดความรอบคอบหรือขาดความรู้จริง เช่น Cobra Effect ในอินเดีย และการล่าหนูในเวียดนาม ที่นโยบายกำจัดสัตว์ร้ายกลับทำให้ปริมาณสัตว์เพิ่มขึ้นเพราะคนเพาะเลี้ยงเพื่อหวังเงินรางวัล หรือเรื่องเล่าของ สมเด็จโต กับ รัชกาลที่ 4 ที่สะท้อนว่าการเทศน์หรือการกระทำใดๆ ต้องรู้จักกาลเทศะและบุคคล (สัปปุริสธรรม 7) สิ่งที่ทำแล้วดีในสถานการณ์หนึ่ง อาจเป็นผลร้ายในอีกสถานการณ์หนึ่งหากไม่พิจารณาตัวแปรให้รอบด้าน
สาระสำคัญคือการสอนให้รู้จัก “ความพอดี” และ “การประมาณตน” ผ่านหลัก สัปปุริสธรรม 7 (รู้เหตุ รู้ผล รู้ตน รู้ประมาณ รู้กาล รู้บริษัท รู้บุคคล) เพื่อป้องกันความผิดพลาดที่เกิดจากความหวังดีแต่ประสงค์ร้าย หรือการทำดีที่ไม่ได้ดีเพราะทำไม่ถูกที่ ไม่ถูกเวลา และไม่ถูกคน
สรุปตอนท้ายสั้นๆ:
การทำความดีต้องประกอบด้วยปัญญาและความรอบคอบ มิฉะนั้นความหวังดีอาจกลายเป็นผลร้าย (Cobra Effect)
ความสำเร็จเกิดจากการรู้จัก “กาลเทศะ” และ “บุคคล” ตามหลักสัปปุริสธรรม 7 ดั่งบทเรียนจากสมเด็จโต
เหรียญมีสองด้าน เหตุการณ์เดียวกันอาจให้ผลลัพธ์ที่ต่างกัน ขึ้นอยู่กับปัจจัยแวดล้อมและการวางตัวที่เหมาะสม






